หนังเรื่องจินตนาการ มีที่มาจากเรื่องราวในเมืองเล็ก ๆ ริมชายฝั่งชื่อว่า “คริสต์เดล” มีบ้านไม้สีฟ้าอ่อนตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือทะเล บ้านหลังนั้นคือที่อยู่ของ “อแมนด้า” เด็กหญิงวัยเก้าขวบผู้มีจินตนาการเปี่ยมล้นและหัวใจที่อบอุ่น เธอเป็นเด็กที่ชอบวาดภาพ พูดคนเดียว และมักสร้างเรื่องราวแปลก ๆ ในหัวอยู่เสมอ พ่อของเธอเป็นช่างไม้ ส่วนแม่เป็นพนักงานห้องสมุด ทั้งคู่รักลูกสาวมาก แต่บางครั้งก็ยุ่งเกินกว่าจะสังเกตว่าเด็กหญิงกำลังรู้สึกเหงาเพียงใด
อแมนด้าไม่มีเพื่อนในชีวิตจริงมากนัก เธอขี้อายและไม่ค่อยกล้าพูดในห้องเรียน หลังเลิกเรียน เธอมักจะกลับมาบ้าน วิ่งไปหลังสวน มุดเข้าไปในบ้านต้นไม้เล็ก ๆ ที่เธอกับพ่อสร้างไว้ตอนยังเล็ก ที่นั่นคือโลกแห่งความฝันของเธอ ที่ที่เธอสามารถเป็นใครก็ได้ ทำอะไรก็ได้ วันหนึ่งขณะวาดรูปอยู่ในบ้านต้นไม้ อแมนด้าวาดภาพสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวหนึ่ง มันมีรูปร่างคล้ายหมีผสมมังกร ขนสีน้ำเงินอ่อน มีตาโตกลมใสเหมือนน้ำทะเล และมีปีกนุ่มฟูเหมือนก้อนเมฆ เธอตั้งชื่อมันว่า “รัดเจอร์” เพื่อนในจินตนาการที่เธอสร้างขึ้นจากหัวใจของเธอเอง
คืนนั้นขณะฝนตกพรำ ๆ เธอตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเบา ๆ ในห้องนอน เมื่อหันไปดู เธอเห็นเจ้ารัดเจอร์ยืนอยู่ตรงหน้าจริง ๆ ไม่ใช่ในภาพวาด มันยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกาย และพูดเสียงทุ้มอบอุ่นว่า “สวัสดี อแมนด้า ขอบใจที่วาดฉันออกมา” ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของอแมนด้าก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รัดเจอร์กลายเป็นเพื่อนแท้ที่อยู่กับเธอทุกวัน พวกเขาวิ่งเล่นในสวน วาดรูปด้วยกัน และบางวันก็ออกผจญภัยไปใน “โลกแห่งจินตนาการ” ที่รัดเจอร์พาไปโลกที่อยู่ในใจของเด็กทุกคน ที่ซ่อนอยู่หลังม่านของความคิดฝัน โลกนั้นงดงามเกินบรรยาย มีทุ่งหญ้าสีรุ้งที่เปลี่ยนสีตามอารมณ์ผู้มาเยือน มีกลิ่นดอกไม้หวานลอยอยู่ในอากาศ และมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด ทั้งม้าน้ำบินได้ ก้อนเมฆที่พูดคุยได้ และแม่น้ำที่มีเสียงหัวเราะเหมือนเด็ก ๆ
อแมนด้าได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย ทั้ง “ลูมี” ผีเสื้อแสงที่คอยนำทาง “บรูโน่” ช้างน้อยที่ทำจากลูกโป่ง และ “เฟเธอร์” นกเขียนภาพที่สามารถใช้ปากวาดภาพให้มีชีวิตได้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้อยู่ในโลกที่ไม่มีความเศร้า ไม่มีการตัดสิน มีเพียงความสุขและความเป็นอิสระ รัดเจอร์คอยดูแลเธออย่างอบอุ่น มันเป็นทั้งพี่ชาย เพื่อน และผู้พิทักษ์ของเธอ อแมนด้าเริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าพูดในห้องเรียน และเริ่มมีเพื่อนในโลกจริงด้วย แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือ จินตนาการของเธอกำลังค่อย ๆ จางลง เพราะเธอกำลังเติบโต
คืนหนึ่งหลังจากกลับจากโรงเรียนด้วยความดีใจที่ได้รับรางวัลวาดภาพอันดับหนึ่ง เธอกลับมาหารัดเจอร์เพื่อเล่าเรื่องนี้ แต่ไม่พบเขาในบ้านต้นไม้ เธอเดินตามรอยเท้าขนฟู ๆ ที่เหลือไว้บนพื้นหญ้าไปจนถึงป่าด้านหลังบ้าน จนพบประตูแสงเรืองรองที่พาเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการอีกครั้ง เมื่อเธอก้าวเข้าไปทุกอย่างดูเปลี่ยนไป ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มอมชมพู กลับมืดมัวเหมือนมีหมอกดำปกคลุม เธอเรียกรัดเจอร์ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ ลูมีบินเข้ามาและบอกว่า “รัดเจอร์หายไป เขาถูกกลืนโดยเงามืด” อแมนด้าตกใจและรีบออกตามหา ในขณะที่ลูมีอธิบายว่า เงามืดนั้นคือ “การลืม” ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กโตขึ้นและเลิกเชื่อในสิ่งที่เคยฝัน เมื่อจินตนาการเริ่มเลือน รัดเจอร์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากความเชื่อของอแมนด้า ก็เริ่มสูญสลาย
เพื่อช่วยรัดเจอร์อแมนด้าต้องเดินทางไปยัง “หุบเขาแห่งความลืม” ซึ่งอยู่ลึกที่สุดในโลกจินตนาการ ระหว่างทาง เธอต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งพายุแห่งความสงสัย สัตว์ประหลาดที่เกิดจากความกลัว และเสียงลวงที่พยายามให้เธอเชื่อว่า “เขาไม่เคยมีอยู่จริง” แม้จะเหนื่อยและหวาดกลัว แต่อแมนด้ายังคงเชื่อมั่นในรัดเจอร์ เธอพูดกับตัวเองว่า “ฉันสร้างเขาขึ้นมาด้วยหัวใจ เขาต้องยังอยู่ที่ไหนสักแห่ง” คำพูดนั้นทำให้แสงจากลูมีสว่างขึ้น พลังแห่งศรัทธาทำให้โลกเริ่มมีสีขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดเธอก็มาถึงหุบเขาแห่งความลืม ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งของที่เด็ก ๆ เคยรักแต่ลืมไปแล้ว ของเล่นหัก ตุ๊กตาขาด หนังสือเก่าที่ไม่มีใครเปิดอ่าน และเสียงกระซิบของเด็กนับพันที่เคยจินตนาการแต่โตเกินกว่าจะจำได้ กลางหุบเขานั้น เธอเห็นรัดเจอร์ยืนอยู่ เขามีรอยร้าวตามร่างกาย สีขนเริ่มซีด และดวงตาที่เคยสดใสกลายเป็นหม่นแสง เธอวิ่งเข้าไปหาเขาและร้องไห้ “รัดเจอร์ อย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันยังต้องการเธออยู่”รัดเจอร์ยิ้มอ่อน เขายื่นมือมาลูบหัวเธอ “อแมนด้า เธอไม่ต้องการฉันตลอดไปหรอก หน้าที่ของฉันคืออยู่กับเธอในวันที่เธอยังกลัว แต่ตอนนี้เธอไม่กลัวอีกแล้ว เธอมีเพื่อน มีความฝัน มีหัวใจที่กล้าเผชิญโลกจริง”
อแมนด้าส่ายหน้า “ไม่ ฉันไม่อยากให้เธอหายไป” น้ำตาไหลรินขณะเธอโอบกอดรัดเจอร์แน่น แสงอบอุ่นแผ่ออกมาจากหัวใจของเธอ ทะลวงความมืดรอบตัวออกไป เงามืดค่อย ๆ สลาย โลกจินตนาการกลับมามีสีสันอีกครั้ง รัดเจอร์มองเธอด้วยความภูมิใจ “ตราบใดที่เธอยังเชื่อในสิ่งที่ดี ฉันก็จะไม่หายไปจริง ๆ ฉันจะอยู่ในทุกภาพวาด ทุกเสียงหัวเราะของเธอ” เขายื่นของสิ่งหนึ่งให้เธอ เป็นขนนกสีฟ้าที่เปล่งแสง ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อย ๆ ละลายเป็นฝุ่นแห่งแสงกระจายเต็มฟ้า
อแมนด้ากลับมาที่บ้านต้นไม้ ขนนกสีฟ้าวางอยู่ในมือเธอจริง ๆ เธอยิ้มทั้งน้ำตา ตั้งแต่วันนั้น เธอยังวาดรูปอยู่เสมอ แต่ภาพของรัดเจอร์ไม่เคยหายไปจากใจ วันหนึ่งเธอโตขึ้น เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะ และกลายเป็นนักวาดการ์ตูนชื่อดัง ผลงานของเธอมักมีตัวละครสัตว์ประหลาดขนฟูตาโตชื่อ “รัดเจอร์” ปรากฏอยู่เสมอ หลายปีต่อมาเธอกลับมาที่บ้านเกิด พาลูกชายตัวน้อยมาด้วย เด็กชายคนนั้นมีนิสัยช่างฝันไม่ต่างจากเธอ อแมนด้าพาเขาขึ้นไปบนบ้านต้นไม้และเล่าเรื่องรัดเจอร์ให้ฟัง ขณะพูดอยู่นั้น เธอเห็นบางอย่างสะท้อนอยู่ในสายตาของลูกชาย เงาของสิ่งมีชีวิตขนฟูสีฟ้า ที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ อแมนด้ายิ้มเธอรู้ทันทีว่ารัดเจอร์กลับมาแล้ว ไม่ใช่เพื่อเธออีกต่อไป แต่เพื่อเพื่อนใหม่ที่กำลังเริ่มต้นจินตนาการของตัวเอง
รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง จินตนาการ
สไตล์หนังเรื่องจินตนาการ ถูกออกแบบในแนวแอนิเมชันครอบครัวผจญภัยเชิงอารมณ์ สไตล์การสร้างได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของ Pixar และ Studio Ghibli ผสมผสานกันอย่างประณีต ใช้โทนสีอบอุ่นนุ่มนวลในโลกจริง เช่น สีครีม เทา น้ำตาลอ่อน เพื่อสื่อถึงความสงบเรียบง่ายของชีวิตประจำวัน ส่วนโลกแห่งจินตนาการจะมีสีสดสลับนุ่ม เช่น ม่วงอ่อน ฟ้าอมชมพู เขียวมรกต เพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนฝัน การออกแบบรัดเจอร์เน้นความน่ารักแปลกตา สื่อถึงความอบอุ่น ปลอดภัย และลึกลับในเวลาเดียวกัน ดนตรีประกอบใช้เครื่องสายเบา ๆ ผสมเปียโนและเสียงร้องใสแบบ choir เด็ก เพื่อสร้างอารมณ์ทั้งอบอุ่นและลึกลับ เสียงของรัดเจอร์จะนุ่มทุ้ม มีเอฟเฟกต์เสียงก้องเล็กน้อยเหมือนมาจากความฝัน “จินตนาการ” เป็นเรื่องราวว่าด้วยพลังของความเชื่อและการเติบโต จินตนาการไม่ใช่สิ่งที่หายไปเมื่อโตขึ้น แต่กลายเป็นแรงบันดาลใจรูปแบบใหม่ที่อยู่ในหัวใจของผู้ใหญ่ทุกคน
สรุปรีวิวหนัง จินตนาการ
การ์ตูนเรื่องจินตนาการ อแมนด้า เด็กหญิงผู้ช่างฝันสร้างเพื่อนในจินตนาการชื่อ “รัดเจอร์” ขึ้นมา ทั้งคู่ใช้เวลาสนุกสนานในโลกแห่งฝันจนวันหนึ่งรัดเจอร์หายไป เพราะอแมนด้าเริ่มเติบโตและลืมความฝัน เธอออกตามหาเพื่อนรักในโลกจินตนาการที่กำลังพังทลายจาก “เงาแห่งการลืม” เพื่อช่วยเขากลับมา ในการผจญภัยนี้อแมนด้าได้เรียนรู้ว่าจินตนาการไม่เคยตาย มันเพียงเปลี่ยนรูปร่างเมื่อคนโตขึ้น เธอเติบโตเป็นศิลปินผู้สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กคนอื่น ๆ ต่อไป และในตอนสุดท้าย รัดเจอร์กลับมาอีกครั้งในสายตาของลูกชายเธอ เป็นการส่งต่อพลังแห่งจินตนาการจากรุ่นสู่รุ่น







