เกิร์ลกรุ๊ปนักล่าปีศาจ KPOP DEMON HUNTERS แสงไฟหลากสีสะท้อนอยู่บนพื้นเวทีขนาดมหึมาของอารีน่ากลางกรุงโซล เสียงดนตรีอันกึกก้องผสมกับเสียงกรีดร้องของแฟนคลับนับหมื่นที่เบียดเสียดกันจนแน่นทุกตารางเมตร บรรยากาศอบอวลด้วยความตื่นเต้นและพลังแห่งความหลงใหลที่ส่งมอบให้แก่ศิลปินหญิงสามคนที่กำลังขึ้นเวทีในค่ำคืนนี้ พวกเธอคือวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังที่สุดในเอเชีย นามว่า LUNARIA รูมิ มีร่า และโซอี้ คือชื่อที่ผู้คนทั่วเอเชียจดจำ พวกเธอคือตัวแทนของความสมบูรณ์แบบในโลกบันเทิง หนึ่งคนคือผู้นำสง่างามที่มีรอยยิ้มละลายใจ หนึ่งคนคือแดนเซอร์ผู้มีพลังการเคลื่อนไหวราวสายฟ้า และอีกหนึ่งคือเสียงร้องอันนุ่มละมุนที่ปลุกหัวใจให้เต้นแรง ทุกคอนเสิร์ตของพวกเธอขายบัตรหมดภายในไม่กี่นาที ทุกซิงเกิลขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่ง และทุกการปรากฏตัวคือเหตุการณ์ระดับชาติ แต่ในโลกอีกด้านที่ไม่มีใครมองเห็น เบื้องหลังแสงสว่างและเสียงเพลง LUNARIA คือชื่อรหัสของกลุ่มนักล่าปีศาจหญิง ที่ปกป้องผู้คนจากสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดของเมือง
ค่ำคืนนั้นเหมือนทุกค่ำคืนบนเวทีอันยิ่งใหญ่ รูมิยืนอยู่ตรงกลางเวทีในชุดสีเงินสะท้อนแสงที่ออกแบบเฉพาะสำหรับโชว์เปิดตัวเพลงใหม่ ด้านหลังคือมีร่ากับโซอี้ที่เต้นอยู่ในจังหวะร้อนแรง เสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ก้องสะท้อนทั่วฮอลล์ แต่ในขณะที่แฟนคลับกำลังหลงใหลกับการแสดง รูมิกลับสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ผิดปกติ แสงไฟเหนือหัวเริ่มกะพริบเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ เงาดำบางอย่างคืบคลานผ่านเพดานราวควันจากไฟที่ไม่มีเปลว ความเย็นแผ่กระจายไปทั่วร่างของเธอ
สายตาที่คนทั่วไปมองไม่เห็นกลับเห็นเป็นคลื่นพลังสีดำไหลซึมลงมาจากมุมสูง มันเคลื่อนตัวไปตามคานเหล็กเหนือเวทีและหยุดอยู่ตรงกลางฝูงชนก่อนจะกระจายออกเป็นรูปทรงคล้ายปีกค้างคาว เสียงเพลงยังดังต่อเนื่อง แต่ความมืดเริ่มแทรกซึมเข้ามาในอากาศอย่างเงียบเชียบ รูมิเหยียดแขนขึ้นในท่าทางหนึ่งที่ดูเหมือนการเต้นแต่แท้จริงคือการปลดผนึกพลังแห่งจันทรา ดวงตาของเธอส่องแสงสีเงินเพียงเสี้ยววินาที ร่างกายของเธอสั่นสะเทือนด้วยพลังบางอย่างที่ถูกปลุกขึ้น ในชั่วขณะนั้นเองมีร่ารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้พื้นเวที พลังปีศาจระดับล่างที่เรียกว่า “Shade Fiend” กำลังแผ่ขยายอยู่ใต้ฝ่าเท้า พวกมันดูดกลืนพลังชีวิตของมนุษย์ผ่านความกลัวและเสียงกรีดร้อง หากปล่อยให้มันดูดพลังจากผู้ชมมากพอ มันจะก่อร่างขึ้นเป็นปีศาจสมบูรณ์ที่ฆ่าได้ยากกว่านรกทุกชั้น เสียงดนตรีเปลี่ยนท่อนอย่างลงตัว มีร่าเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ แต่ทุกการก้าวของเธอกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนเล็ก ๆ ที่ทำลายพลังปีศาจรอบเวที โซอี้ซึ่งอยู่ด้านหน้าเวทีใช้เสียงร้องอันกังวานของเธอสร้างคลื่นพลังความถี่สูง ทำให้มิติของปีศาจเกิดรอยแตกเล็ก ๆ รูมิใช้โอกาสนั้นเสกดาบแสงจันทร์ออกมาจากอากาศ ดาบเรืองแสงสีเงินแทงทะลุเงามืดในทันที
ฝูงชนยังคงส่งเสียงเชียร์ ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้แสงสีเสียงนั้นคือสงครามที่ดำเนินอยู่ในอีกมิติหนึ่ง การต่อสู้กินเวลาเพียงไม่กี่นาทีในโลกความเป็นจริง แต่ในมิติพลังกลับเหมือนผ่านไปหลายชั่วโมง เมื่อทุกอย่างจบลง ความมืดจางหายไปพร้อมกับแสงไฟเวทีที่กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง เพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตจบลงท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเธอเพิ่งช่วยชีวิตคนทั้งอารีน่าไว้ หลังเวทีทั้งสามนั่งพักหอบเหนื่อย เสียงพัดลมดังเบา ๆ ผสมกับเสียงฝนพรำที่ตกนอกอาคาร มีร่ามองมือของตัวเองที่ยังสั่นไม่หยุด ส่วนโซอี้เหม่อมองเงาตัวเองในกระจกที่สะท้อนแสงจันทร์ รูมิหลับตาลงครู่หนึ่งแล้วหายใจลึก เธอรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะพลังของปีศาจที่ปรากฏแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เช้าวันต่อมาสื่อทุกสำนักตีข่าวคอนเสิร์ตของ LUNARIA ว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ รูปถ่ายและคลิปวิดีโอเต็มไปด้วยแสง สี และรอยยิ้ม ไม่มีใครเอะใจว่าในบางภาพเงาสีดำแปลกประหลาดกำลังคืบคลานอยู่ตามมุมเวที แต่ภาพเหล่านั้นถูกลบออกจากระบบโดยทีมงานพิเศษของพวกเธอก่อนจะมีใครทันสังเกต ขณะเดียวกัน รูมิเริ่มฝันซ้ำ ๆ ถึงหญิงสาวในชุดขาวคนหนึ่งที่เรียกชื่อเธอด้วยเสียงแผ่วเบา ใบหน้านั้นชัดเจนมากจนเธอจำได้ดี มันคือหนึ่งในสมาชิก LUNARIA รุ่นแรกที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน ภาพในฝันพาเธอกลับไปยังเหตุการณ์ในอดีต วันที่ปีศาจระดับสูงชื่อว่า “รัตติกาลา” ถูกปลดปล่อยจากตราประทับกลางกรุง และวงรุ่นก่อนทั้งหมดถูกสังเวยเพื่อปิดผนึกมัน รูมิในตอนนั้นยังเป็นเด็กฝึกและรอดมาเพียงคนเดียวความทรงจำเหล่านั้นกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง เธอเริ่มเชื่อว่าพลังที่เห็นเมื่อคืนคือสัญญาณว่ารัตติกาลากำลังจะคืนชีพ การกลับมาของมันอาจหมายถึงจุดจบของทั้งโลก
มีร่าและโซอี้ไม่เคยรู้ความจริงทั้งหมด พวกเธอรู้เพียงว่าต้องต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติเพื่อปกป้องแฟนคลับที่รัก แต่เมื่อรูมิเริ่มแสดงอาการวิตก ทั้งสองก็เริ่มสงสัย การฝึกซ้อมในสตูดิโอที่เคยสนุกกลับเต็มไปด้วยความเงียบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจเริ่มสะสมเมื่อแต่ละคนต้องใช้พลังเกินขีดจำกัดในทุกการแสดง คืนหนึ่งขณะทีมกำลังซ้อมในสตูดิโอไฟดับกะทันหัน เสียงเปียโนที่ไม่มีใครเล่นดังขึ้นเองก่อนที่ไฟสีม่วงอ่อนจะลอยวนอยู่กลางห้อง กลิ่นดอกไม้เน่าคละคลุ้งในอากาศ มีร่ารู้ทันทีว่านั่นคือสัญญาณของวิญญาณปีศาจระดับสูง พวกเธอพยายามควบคุมพลังเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนั้นทะลุเข้ามาในมิติจริง แต่เสียงเพลงจากเปียโนนั้นกลับรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับมันรู้ว่าใครอยู่ตรงนั้น รูมิหลับตาแล้วปลดผนึกพลังจันทราอีกครั้ง แสงสีเงินสว่างจ้าจนโซอี้ต้องหันหน้าหนี ภาพของหญิงสาวในชุดขาวจากความฝันปรากฏตรงหน้า ดวงตาเธอว่างเปล่าเต็มไปด้วยความเศร้า รูมิเข้าใจในทันทีว่าวิญญาณนั้นไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นสัญญาณเตือน หญิงสาวในชุดขาวพยายามส่งข้อความผ่านเสียงเพลง เปียโนนั้นคือบทเพลงผนึกที่ใช้กักขังรัตติกาลา แต่ตอนนี้พลังของผนึกกำลังเสื่อมลง
ตั้งแต่คืนนั้นทั้งสามเริ่มเห็นความผิดปกติรอบตัวมากขึ้น เมืองโซลที่เคยสว่างไสวเริ่มมีเงาดำเคลื่อนไหวตามมุมตึก เหมือนพลังมืดกำลังซึมเข้าสู่ทุกซอกหลืบของเมือง มีข่าวคนหายเพิ่มขึ้นทุกวันโดยไม่มีคำอธิบาย บางคนพบศพที่ร่างแห้งเหี่ยวราวกับถูกดูดพลังชีวิต พวกเธอรู้ว่านั่นคือผลงานของปีศาจที่หลุดออกมาจากผนึก ระหว่างที่โลกบันเทิงยังดำเนินไปตามปกติ LUNARIA ต้องขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่รอบเอเชียอีกหกรอบในหนึ่งเดือน แต่นั่นคือช่วงเวลาที่พวกเธอไม่สามารถหยุดได้ เพราะพลังของพวกเธอผูกติดกับเสียงเพลง ทุกครั้งที่ขึ้นเวที พลังแห่งศรัทธาของแฟนคลับจะเพิ่มพลังให้ผนึกคงอยู่ พวกเธอจึงต้องแสดงต่อไปแม้ในวันที่ร่างกายแทบจะไม่ไหว
คืนสุดท้ายของทัวร์ในโตเกียวโดม พลังมืดที่สะสมมาทั้งเดือนปะทุขึ้นกลางเวที เมื่อรัตติกาลาปรากฏในร่างของหญิงสาวสูงโปร่งผมยาวสีดำที่ตาเป็นสีม่วงเข้ม มันเป็นพลังแห่งความสิ้นหวังที่ดูดซับทุกแสงสว่างรอบตัว มีร่าพยายามใช้พลังของเธอกั้นคลื่นมืดแต่ร่างกลับกระเด็นกระแทกกำแพง โซอี้พยายามร้องเพลงผนึกแต่เสียงของเธอถูกกลืนหายไปในความมืด รูมิรู้ดีว่าทางเดียวที่จะปิดผนึกปีศาจได้คือการสละพลังทั้งหมดของเธอ เธอก้าวไปข้างหน้า ดวงตาเปล่งแสงสีเงินเข้มข้นจนกลายเป็นเปลวไฟ แสงจันทร์เหนือโดมเจิดจ้าแม้จะเป็นกลางคืนที่ไร้พระจันทร์ พลังศรัทธาของผู้ชมหลายหมื่นหลอมรวมกับพลังของรูมิผ่านเสียงเพลงสุดท้ายที่ดังขึ้น แม้ไม่มีใครรู้ว่าเพลงนั้นไม่ได้อยู่ในลิสต์การแสดง
เมื่อโน้ตสุดท้ายดังขึ้น แสงสว่างสีเงินปกคลุมทั่วทั้งเวที รัตติกาลกรีดร้องก่อนจะสลายหายไปในอากาศ ผนึกแห่งจันทรากลับคืนสู่อีกมิติ แต่ในขณะเดียวกัน ร่างของรูมิก็ค่อย ๆ จางลงในแสงนั้น เสียงแฟนคลับยังคงก้องอยู่รอบเวที แต่ไม่มีใครรู้ว่าผู้นำของพวกเธอได้หายไปตลอดกาล หลังจากเหตุการณ์นั้น LUNARIA หยุดกิจกรรมทั้งหมด ข่าวประกาศว่ารูมิประสบอุบัติเหตุและต้องพักยาวไม่มีกำหนด มีร่าและโซอี้หายตัวจากสาธารณะ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอไปที่ไหน แต่ในบางคืนที่พระจันทร์เต็มดวง เสียงเพลงของพวกเธอกลับดังแว่วขึ้นจากบนฟ้า ราวกับวิญญาณของศิลปินผู้ปกป้องโลกยังคงร้องต่อไปไม่สิ้นสุด เวลาผ่านไปหลายปี ชื่อของ LUNARIA กลายเป็นตำนานของวงการเพลงเกาหลี วงรุ่นใหม่ยังคงพูดถึงพวกเธอในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปที่ไม่มีใครแทนที่ได้ แต่ในหมู่ผู้ศรัทธาเก่าบางคนกลับเชื่อว่า รูมิยังคงอยู่ที่ใดที่หนึ่งบนโลก ในมิติที่แสงและเงาบรรจบกัน เฝ้ามองโลกมนุษย์และพร้อมจะกลับมาอีกครั้ง หากปีศาจรัตติกาลาคืนชีพขึ้นมาใหม่
รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง เกิร์ลกรุ๊ปนักล่าปีศาจ KPOP DEMON HUNTERS
สไตล์หนังเรื่อง เกิร์ลกรุ๊ปนักล่าปีศาจ KPOP DEMON HUNTERS ถูกออกแบบให้มีโทนภาพสวยงามแบบ Cyber-Fantasy K-Drama Style ผสมระหว่างความสว่างของเวทีคอนเสิร์ตกับความมืดเย็นของโลกปีศาจ การจัดแสงใช้โทนสีเงิน น้ำเงิน และม่วง เพื่อสะท้อนธีม “แสงจันทร์และเงามาร” การถ่ายทำใช้กล้องเคลื่อนนุ่มนวลสลับกับฉากต่อสู้ที่รวดเร็วแบบภาพยนตร์แอ็กชันญี่ปุ่น เทคนิคการตัดต่อเน้นจังหวะดนตรีประกอบที่เข้ากับการเคลื่อนไหวของตัวละคร
เพลงประกอบเป็นแนว symphonic-electronic pop ที่ผสมเสียงคอรัสและดนตรีวงออร์เคสตราเข้ากับบีตเต้นร่วมสมัย ทำให้ฉากต่อสู้ทุกฉากดูเหมือนการแสดงคอนเสิร์ตในอีกมิติหนึ่ง สไตล์โดยรวมคล้ายผลงานของผู้กำกับอย่าง Park Chan-wook ผสมกับอารมณ์ของหนังแฟนตาซีญี่ปุ่นอย่าง Attack on Titan และ Black Swan
สรุปรีวิว เกิร์ลกรุ๊ปนักล่าปีศาจ KPOP DEMON HUNTERS
เกิร์ลกรุ๊ปนักล่าปีศาจ KPOP DEMON HUNTERS เสียงเพลงกับเงามาร เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงสองด้านของความเป็นมนุษย์ในโลกแห่งแสงและเงา เบื้องหน้าคือความฝัน ความสำเร็จ และเสียงเพลงที่ปลุกหัวใจผู้คน แต่เบื้องหลังคือความเสียสละ การต่อสู้กับปีศาจทั้งในโลกจริงและในใจของตนเอง เรื่องราวของรูมิ มีร่า และโซอี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของศิลปินที่ต้องรักษาแสงสว่างไว้แม้ในวันที่มืดที่สุด