รีวิวหนังเรื่อง Gachiakuta

Gachiakuta

Gachiakuta อนิเมะที่เหมือนหยิบ “ความเกลียดชังของมนุษย์” มาหลอมรวมกับ “พลังของการมีชีวิต” จนกลายเป็นระเบิดทางอารมณ์ลูกใหญ่ที่ระเบิดใส่คนดูตั้งแต่ตอนแรก นี่ไม่ใช่อนิเมะแนวชูตพลังเท่ ๆ ธรรมดา แต่มันคือ “การตะโกน” ของคนที่ถูกเหยียบซ้ำในสังคม และยังไม่ยอมตาย Gachiakuta คืออนิเมะที่เต็มไปด้วยพลัง ความดิบ ความโกรธ และ “ชีวิต” ในแบบที่แทบไม่เห็นในเรื่องอื่นช่วงหลัง ๆ โลกที่เต็มไปด้วย “ชนชั้น” “ขยะ” และ “ความอยุติธรรม” แต่กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ไม่ยอมปล่อยให้คำว่าขยะกำหนดคุณค่าของตัวเอง ชื่อของเขาคือ รูโด้ (Rudo)

ก่อนอื่น ต้องเข้าใจก่อนว่าโลกของ Gachiakuta มันไม่ใช่โลกแฟนตาซีแสงสว่างเหมือนในอนิเมะโชเน็นทั่วไป แต่คือโลกที่ “ขยะ” กลายเป็นแก่นหลักของการมีชีวิต เมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งบนของผู้ดีที่ใช้ชีวิตสบาย และ “เมืองสลัม” ที่กลายเป็นที่อยู่ของพวกที่ถูกเรียกว่า “ชนเผ่า” หรือพูดง่าย ๆ คือ “ลูกหลานของอาชญากร” ที่ถูกเหยียดหยามไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน ภาพแรกที่อนิเมะฉายออกมา คือถนนที่เต็มไปด้วยเศษเหล็ก กำแพงที่ถล่มครึ่งหนึ่ง เด็กที่กำลังขุดของในกองขยะเพื่อหาของกิน นี่ไม่ใช่การตกแต่งฉาก แต่มันคือ “ชีวิตจริง” ของคนในเมืองนี้ และตรงนั้นเอง เราได้เจอกับรูโด้เด็กหนุ่มผมยุ่ง สายตาแข็งกร้าว และท่าทีที่พร้อมชกหน้าใครก็ได้ที่มองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม

รูโด้เติบโตในสลัมกับพ่อบุญธรรมผู้เป็นช่างเก็บของเก่า เขาใช้ชีวิตด้วยกำลังหมัดและสัญชาตญาณแบบสัตว์เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่มีใครสนใจความถูกผิด เขาไม่ได้แค่อยากอยู่รอด เขาอยาก “พิสูจน์” ว่าคนอย่างเขาก็มีสิทธิ์มีชีวิตเหมือนใคร ๆ แต่สังคมที่เน่าเฟะไม่เคยเปิดช่องให้คนแบบรูโด้หายใจ แล้ววันหนึ่งความอยุติธรรมก็มาถึง รูโด้ถูกใส่ร้ายในคดีฆาตกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกตราหน้าว่า “อาชญากรเหมือนบรรพบุรุษของตัวเอง” และถูกโยนลง “ห้วงเหว” ที่แม้แต่คนในสลัมก็ไม่กล้ามองลงไป เสียงกรีดร้องของรูโด้ขณะร่วงจากขอบเหว เป็นฉากที่ทั้ง “เจ็บปวด” และ “สวยงาม” อย่างประหลาด เพราะนั่นคือวินาทีที่โลกบนฟ้าทิ้งเขา แต่โลกใต้ดินกำลังรอรับเขาอยู่

สิ่งที่รอรูโด้อยู่เบื้องล่าง ไม่ใช่นรกตามที่เขาคิด แต่มันคือโลกอีกชั้น โลกของ “นักเก็บกวาด” (Junkers) กลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอยู่ใน “ทะเลขยะ” ที่ทุกสิ่งที่ถูกทิ้งจากโลกบนฟ้า ถูกโยนลงมาสะสมไว้ เสื้อผ้า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซากอาคาร และแม้แต่ศพของผู้ถูกลงโทษ และที่นี่เอง รูโด้ได้ล่วงรู้ “ความจริง” ของโลกว่าทุกสิ่งที่ถูกเรียกว่า “ขยะ” นั้น ไม่ได้ไร้ค่า เพราะภายใต้เศษเหล็กเหล่านั้น มันมี “พลังชีวิต” ซ่อนอยู่จริง ๆ ในวินาทีที่เขาเกือบสิ้นลมหายใจใต้กองขยะ พลังแปลกประหลาดในตัวรูโด้ได้ตื่นขึ้น พลังที่สามารถมอบชีวิตให้กับสิ่งของที่ถูกทิ้ง ถุงมือขาด ๆ ที่เขาใส่มาทั้งชีวิต กลายเป็นอาวุธมีชีวิตที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามจิตใจของเขา เศษเหล็กกลายเป็นกรงเล็บ เหล็กแหลมแปรสภาพเป็นดาบ และทุกสิ่งรอบตัวก็มี “เสียง” ให้เขาได้ยิน นี่คือ “ของขวัญจากโลกที่เน่าเฟะ” โลกที่ปฏิเสธเขา กลับมอบพลังให้เขาล้างบางมัน

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Gachiakuta โดดเด่นจนต้องพูดถึง คือ งานภาพและการกำกับศิลป์ที่โคตรเท่ ผู้กำกับเลือกใช้โทนสีน้ำหมึกดำเข้ม ผสมกับแสงเรืองจากเศษเหล็ก ทำให้ฉากดูเหมือนอยู่ระหว่าง “ฝันร้ายกับความจริง” ทุกซีนเต็มไปด้วยรายละเอียด ฝุ่น เศษขยะที่ปลิวไปมา เสียงเครื่องจักรที่ดังลอดออกมาจากเงามืด สไตล์มันให้ความรู้สึก “ดิบ เท่ และสกปรกอย่างตั้งใจ” เหมือนเรากำลังดูศิลปะที่สร้างจากขยะจริง ๆ ตัวอนิเมะเองได้แรงบันดาลใจจากผลงานของ Koeji Iwahara (นักวาด Darker than Black) และ Atsushi Ōkubo (ผู้แต่ง Fire Force) ทำให้ลายเส้นดู “แรงและเป็นเอกลักษณ์” มาก ทั้งเส้นที่ขรุขระ และสีที่จัดจ้านแบบบ้าคลั่ง ดูแค่ภาพเคลื่อนไหวของรูโด้ตอนต่อย เศษเหล็กกระเด็นเป็นประกายไฟ มันไม่ใช่แค่ฉากแอ็กชัน แต่มันคือ “อารมณ์ดิบของคนที่ถูกสังคมเหยียบ” ที่ปะทุออกมาให้เห็นด้วยตา

สิ่งที่ Gachiakuta ทำได้อย่างยอดเยี่ยมคือ “การเล่าเรื่องของความอยุติธรรม” โดยไม่ต้องเทศนา โลกของเรื่องสะท้อนความจริงของมนุษย์อย่างเจ็บแสบ คนที่เกิดในครอบครัวอาชญากร จะถูกตัดสินตั้งแต่ยังไม่พูดคำแรก ไม่มีใครสนว่าเขาจะดีแค่ไหน เพราะ “ชื่อ” ของเขาได้กลายเป็นตราบาปติดตัวตลอดชีวิต รูโด้คือภาพแทนของคนที่ถูกสังคมปิดประตูใส่หน้า แต่ยังเลือกจะเดินชนกำแพงนั้นด้วยกำปั้นของตัวเอง ในแง่ปรัชญา นี่คือเรื่องราวของ “การนิยามคุณค่าใหม่ของคำว่าขยะ” เพราะสิ่งที่คนบนฟ้าโยนทิ้ง อาจกลายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับคนอีกฝั่ง

การต่อสู้ใน Gachiakuta ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อโชว์เทคนิคพลังเท่ ๆ เท่านั้น แต่ทุกหมัด ทุกระเบิด ทุกการปะทะ มันคือ “อารมณ์ของตัวละคร” ที่ถูกผลักจนถึงขีดสุด รูโด้ต่อสู้เหมือนสัตว์ที่ถูกขังมานาน เขาไม่ใช่นักบุญ แต่ก็ไม่ใช่ปีศาจ เขาเพียงแค่ “ไม่ยอมตายแบบไม่มีค่า” ฉากต่อสู้กับนักเก็บกวาดคนอื่น ๆ หรือพวกที่ควบคุมพลัง “ของที่ถูกทิ้ง” ได้เช่นกัน ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดูการระเบิดของอารมณ์มากกว่าการวัดพลัง พลังของแต่ละคนในโลกนี้ไม่เหมือนกัน เพราะมันสะท้อน “สิ่งที่พวกเขายึดถือในชีวิต” บางคนมอบชีวิตให้กับเครื่องมือ บางคนมอบพลังให้กับสิ่งที่ตนเองเคยรัก แต่รูโด้มอบชีวิตให้กับ “สิ่งที่ไม่มีใครต้องการ” นั่นแหละคือความหมายของชื่อ Gachiakuta “ขยะที่ยังมีหัวใจ”

รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง Gachiakuta

สไตล์หนังเรื่อง Gachiakuta อนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดูฮีโร่กู้โลก แต่มันเหมือนเรากำลังดู “คนที่ถูกโลกทิ้ง” พยายามสร้างโลกใหม่ขึ้นมาจากเศษซากของมัน ความโกรธของรูโด้คือสิ่งที่เข้าใจได้ง่าย เพราะใคร ๆ ก็เคยรู้สึกถูกตัดสิน ถูกมองว่าไร้ค่า และในวินาทีที่เขาใช้พลัง “คืนชีวิตให้ของที่ถูกโยนทิ้ง” มันเหมือนกับการประกาศว่า “ทุกสิ่งสมควรได้มีโอกาสอีกครั้ง”นี่ไม่ใช่อนิเมะที่สอนธรรมะ หรือบอกให้ยอมรับโชคชะตา แต่มันคือเรื่องราวของการ “ปฏิเสธโลกที่ไม่ยุติธรรม” ด้วยพลังแห่งเจตจำนง

สรุปรีวิวหนัง Gachiakuta

Gachiakuta คืออนิเมะที่ไม่ได้สวยงาม แต่มันสะท้อนโลกที่เราทุกคนอาจกำลังอยู่ในนั้นโดยไม่รู้ตัว โลกที่คนถูกวัดค่าด้วยชื่อ เส้นสาย หรือชาติกำเนิด แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องราวของ “การเกิดใหม่”ไม่ใช่เกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แต่เกิดใหม่ในโลกใบเดิมที่ยังโสโครกอยู่เพราะต่อให้โลกมันจะเน่าเฟะขนาดไหน ตราบใดที่ยังมีคนแบบรูโด้อยู่ โลกนี้ก็ยังไม่หมดหวัง และนั่นแหละคือเสน่ห์ของ Gachiakuta อนิเมะที่ไม่กลัวจะสกปรก เพราะมันเชื่อว่า “ขยะเองก็สามารถกลายเป็นชีวิตได้อีกครั้ง”

บทความเเนะนำวันนี้