รีวิวหนังเรื่อง ทรานส์ฟอร์เมอร์ส สงครามไซเบอร์ทรอน

ทรานส์ฟอร์เมอร์ส- สงครามไซเบอร์ทรอน

ทรานส์ฟอร์เมอร์ส สงครามไซเบอร์ทรอน อาณาจักรไซเบอร์ทรอน (Cybertron) เคยเป็นดาวเคราะห์ที่รุ่งเรือง หมู่เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ดุจกลไกชีวิต พลังงานโคแล็กซ์ (Quallix Energy) ให้ชีวิตแก่หุ่นยนต์ ทุกเมืองในไซเบอร์ทรอนยืนยาว มีเมืองหลวง อุโมงค์พลังงาน และเครือข่ายสายส่งข้อมูลขนาดใหญ่ ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการแปลงตัว (Transformation) ได้พัฒนาไปสู่จุดที่หุ่นยนต์สามารถแปลงเป็นยานพาหนะ เครื่องบิน เรือ

ณ จุดนี้ โลกไซเบอร์ทรอนดูเหมือนจะไร้ซึ่งความขัดแย้งภายนอก มีเพียงภายในเท่านั้น คือความเห็นไม่ตรงกันในหมู่ผู้ทรงอิทธิพลว่า “ควรใช้พลังงานโคแล็กซ์เพื่อการพัฒนาร่วม หรือเพื่อการปกครองที่เข้มงวด” ความแตกแยกเติบโตเป็นรอยแยกระหว่างกลุ่มที่คิดว่าควรปกครองแบบเผด็จ (สั่งการแบบรวมศูนย์) กับกลุ่มที่อยากให้ทุกตัวมีอิสระ ในภาวะตึงเครียดนี้ มีปรากฏการณ์พลังงานผิดปกติ ฟลักซ์ (Flux) ขึ้นในแกนกลางของดาว มวลพลังงานเริ่มทำลายส่วนโครงสร้างพื้นฐานบางแห่ง คลื่นรบกวนข้อมูลเกิดในเครือข่าย ทำให้เมืองบางแห่ง “ล่มสลาย” ทางด้านระบบสมองกล (neural core) เกิดความผิดปกติในตัวหุ่นยนต์หลายตัว ให้เป็น “ร่างวิกลจริต” (corrupted) เหตุการณ์ล้ำเส้นช่วงเวลานี้เองคือระยะเวลาที่สงครามกลางเมืองเริ่มซ่อนตัว

เรื่องเริ่มจากมุมมองของ ออรอน (Oron) หุ่นยนต์หนุ่มผู้เกิดในย่านล่างของไซเบอร์ทรอน เขาเป็นช่างซ่อมและนักสำรวจระบบสายส่งข้อมูล (Data Conduit) หน่วยย่อย เป็นหุ่นที่นิยมเสรีภาพ เชื่อว่าทุกตัวควรมีสิทธิ์แปลงตัวอย่างเสรีและร่วมแบ่งปันพลังงานโคแล็กซ์โดยไม่มีการกักตุน ในขณะเดียวกันที่ด้านเหนือของเมืองหลวง เคลตัน (Kelton) หุ่นยนต์ผู้เก่งด้านวิศวกรรมกลไกและควอนตัมคอนโทรล เห็นความอ่อนแอของระบบรวมศูนย์ เขาเชื่อว่าหากไม่มีการปกครองที่เข้มงวด ดาวจะล่มสลายเพราะการใช้พลังงานอย่างไม่มีระเบียบ ออรอนกับเคลตันเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมวิจัยพลังงานโคแล็กซ์ แต่เมื่อแนวคิดแตกต่างกัน ยิ่งทำให้ทั้งสองแยกทาง และต่างฝ่ายต่างเริ่มมีผู้สนับสนุน ในบทเปิดเราได้เห็นฉากของออรอนในย่านล่าง ใช้วิธีดัดแปลงเครื่องมือเก่าเพื่อแก้ไขระบบที่กำลังพัง และในฉากเดียวกัน เคลตันในห้องทดลองชั้นบน กำลังสร้าง “คาร์เทกซ์” (Carthex) อุปกรณ์ที่ควบคุมการแจกจ่ายพลังงาน ซึ่งถ้าควบคุมได้ จะทำให้เขาควบคุมเมืองทั้งเมือง เราเห็นภาพเมืองหลายส่วนถูกทำลาย: เสาส่งพลังงานพัง, เครืองแปลงตัวล้มเหลวกลางอากาศ, บางตัวแปลงตัวเองแล้วค้างในสถานะ “ไบน์ (bin)” ไม่สามารถแปลงกลับ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า โลกของพวกเขาเริ่มทรุดโทรม

ในวันหนึ่ง เกิดแผ่นดินไหวพลังงาน (Energy Tremor) ใต้เมืองหลวง ทำให้คอนกรีตแม่เหล็ก (Magneto-Concrete) แตกสลาย ย่านชั้นล่างหลายเมืองถูกตัดการเชื่อมต่อกับโคแล็กซ์สายหลัก หลายหุ่นไม่มีพลังงานสำรอง เริ่มเข้าสู่ภาวะ “ดับ” (Shutdown) ออรอนเสียมิตรสหาย ไคลา (Kyla) ซึ่งเป็นหุ่นหญิงเพื่อนร่วมทีม ถูกพลังงานลัดวงจรจนสมองกลได้รับความเสียหาย เธอกลายเป็นร่าง “core damaged” ต้องถูกแยกออกจากกลุ่ม หลายคนเริ่มมองออรอนว่าเป็นคนละเมิดกฎเกณฑ์ เคลตันในห้องทดลองได้เห็นเหตุการณ์และถือโอกาส เขาเสนอบริการช่วยเหลือ (reconnect พลังงาน) ให้เมืองหลวงและย่านชั้นบน แต่แลกกับการให้สิทธิ์การควบคุมเครือข่ายพลังงานบางส่วน เขาเสนอตัวเป็น “ผู้คุ้มครอง” เงื่อนไขคือเมืองต่าง ๆ ต้องยอมรับแนวทางของเขาเป็นจุดที่แนวคิด “ความจำเป็นมีข้ออ้าง” เริ่มชัดเจน เคลตันอ้างว่าหากไม่มีการควบคุมรวมศูนย์ เมืองก็จะถูกทำลายจนสิ้น ออรอนอ้างว่าถ้าใครควบคุมระบบ ก็อาจกลายเป็นผู้กดขี่

ออลติแมคกับรอนาริสเสนอดีล หากออรอนและเคลตันยอมปล่อยอำนาจบางส่วนให้เขา โดยที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องลดการโจมตีลง เพื่อให้เขาฟื้นฟูแกนกลางดาว ความสมดุลจะกลับคืน เคลตันพิจารณาว่าอำนาจบางส่วนถูกปล่อยไปเป็นเรื่องที่รับได้ หากจะแลกกับโครงสร้างดาวที่มั่นคง

ออรอนลังเล เขากลัวว่าอำนาจรวมศูนย์จะกลับมาอีกครั้ง แต่ในยามที่ทั้งสองฝ่ายยังถกเถียง เกิดแผ่นดินไหวพลังงานครั้งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โคแล็กซ์แกนกลางดาวเริ่มระเบิดเป็นจุด ๆ เมืองหลวงสั่นสะเทือน รอนาริสรีบเข้าสู่แกนกลางดาว เขาหยั่งรู้ว่าแกนกลางกำลัง ‘รื้อฟื้น’ แต่ถ้าไม่มีสมดุลพลังงานที่ถูกต้อง การฟื้นฟูจะเป็นภัยทำลายล้าง ตัวเขาเองอาจถูกดูดเข้าไป

ออลติแมคแทรกเข้าสู่สนาม ใช้อุปกรณ์ของเขาควบคุมคลื่นพลังงานให้เสถียรชั่วขณะ เขาพูดกับเคลตันและออรอนว่า “พลังงานนี้คือชีวิต แต่ถ้าใช้โดยขาดสติ ก็อาจกลายเป็นหายนะ” เคลตันและออรอนตัดสินใจร่วมมือในทันที เคลตันปล่อย “คาร์เทกซ์” บางส่วนให้รอนาริสใช้จัดสมดุลอุปทานพลังงาน ออรอนส่งเครือข่ายสายส่งใต้ดิน (“Free Lines”) มาช่วยกระจายพลังงานสำรอง ในฉากสุดท้ายของไคลแมกซ์ รอนาริสเข้าไปในแกนกลางดาว ใช้องค์ความรู้จากทฤษฎีแปลงตัวผสานกับอุปกรณ์ของออลติแมค และคาร์เทกซ์ คลื่นพลังงานโคแล็กซ์ค่อย ๆ กลับมาสมดุลเมืองต่าง ๆ เริ่มมีแสงสว่างกลับคืน สายส่งพลังงานกลับมาเชื่อมต่อ แต่แกนกลางดาวยังไม่กลับมาเต็มสมรรถนะ มีแผลเป็น (Scar) จากการระเบิด และโครงสร้างหลายส่วนถูกทำลาย เมื่อสงครามสงบชั่วคราว เคลตันขอถอนตัว เขายอมถอยให้ผู้ชำนาญควบคุมแกนกลาง ออรอนยืนข้างออลติแมคและรอนาริส สงสัยว่าใครคือผู้นำในอนาคต

รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง ทรานส์ฟอร์เมอร์ส สงครามไซเบอร์ทรอน

สไตล์หนังเรื่อง ทรานส์ฟอร์เมอร์ส สงครามไซเบอร์ทรอน ผสมระหว่างไซไฟ แฟนตาซี เรื่องราวสร้าง (Origin) ที่ใช้ไตรภาค (สามตอน) ภาคแรกคือสงครามกลางเมืองและจุดร่วมมือ ภาคที่สองคือผลพวงการฟื้นฟูและการแตกแยกใหม่ ภาคที่สามคือการต่อสู้กับภัยจากภายนอก (อาจเป็นดวงดาวอื่น, พลังงานเบี่ยงเบน ฯลฯ) เริ่มด้วยบทเปิดช้า สร้างโลก สู่จุดเร่ง ดำเนินไปตามปฏิบัติการ และถึงไคลแมกซ์ที่เร่งเร้า ผสมฉากแอ็กชันและโมเมนต์ดราม่า

สรุปรีวิว ทรานส์ฟอร์เมอร์ส สงครามไซเบอร์ทรอน

ทรานส์ฟอร์เมอร์ส สงครามไซเบอร์ทรอน เรื่องเล่าต้นกำเนิดนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดประตูสู่วิกฤตของออพติมัส ไพรม์ และเมกะทรอนในตำนานภายหลัง แต่ยังสะท้อนว่าแม้ในโลกล้ำยุคที่เป็นเครื่องจักร ความเป็น “ชีวิต” ยังเกี่ยวโยงกับการเลือกระหว่างเสรีภาพและการควบคุม ในเชิงภาพยนตร์ นี่จะเป็นหนังไซไฟดราม่า-แอ็กชันที่มีโทนหนักแน่น บูรณาการฉากแอ็กชันที่ตื่นตา เข้มข้นด้วยดราม่าภายใน และให้ผู้ชมตั้งคำถาม: เมื่อทรัพยากร (พลังงาน) มีจำกัด ใครสมควรจะถือครอง และอย่างไรจึงเรียกได้ว่า “ยุติธรรม”

บทความเเนะนำวันนี้